top of page
Search
  • Writer's pictureTheexplorer

HONG KONG DAIRY: Sleep into the Air

ตอนที่ 1 : หลับไปในอากาศ



(1)

เช้าวันนี้ไม่เหมือนทุกวันที่คุ้นเคย ผมจำต้องสลัดความขี้เกียจระดับสิบพร้อมปลุกตัวเองให้ลุกขึ้นจากเตียงนอนที่อ่อนละมุนในเช้าวันเสาร์ สามชั่วโมงที่ผลอยหลับไปก่อนหน้า ไม่ได้ทำให้ความอ่อนล้าจากการตื่นเช้าสะสมมาเป็นเวลาห้าวันเหือดหายไปได้เลย


อาการงัวเงียแบบหลับไม่เต็มอิ่มเกิดขึ้นมาจากความเครียดที่สะสมมาตั้งแต่วันจันทร์ ทั้งการประชุมงานเกือบทุกวัน ไหนจะต้องแก้ปัญหาโปรเจคที่เพิ่งเริ่มและยังคั่งค้างอยู่ อีกทั้งยังต้องสร้างนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อให้แผนการทำงานของทีมลุล่วงไปได้ด้วยดีในวันข้างหน้า


ปัญหาหนักอกหนักใจที่จะแก้ไขอย่างไรก็คงหนีไม่ไปพ้น นั้นคงเป็นการที่จะต้องสู้รบตบมือกับเหล่าบรรดาผู้ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน ประสบการณ์อันยาวนานเป็นดั่งกระบี่อาญาสิทธิ์ ที่ไม่ว่าจะพกพาไปที่ไหน คำพูดที่เอ่ยออกมาก็มักจะถูกต้องอยู่เสมอ โดยมิคิดแยแสต่อความคิดเห็นใดๆที่ตรงกันข้ามกับตัวเอง


การทำงานในองค์กรที่ดูมั่นคงและมีระบบระเบียบชัดเจนนั้น ดูเหมือนจะจัดการทุกอย่างได้แสนจะง่ายดาย แต่ก็มักจะมีตัวละครเร้นลับโผล่เข้ามามาสกัดกั้นกระบวนการที่จะทำให้องค์กรก้าวต่อไปข้างหน้า จุดด่างพร้อยก่อตัวจากปัญหาเล็กน้อย แต่ค่อยๆสุมรวมกลุ่มก้อนกลายเป็นปัญหาใหญ่ หากต้นเหตุที่แท้จริงนั้นมาจากน้ำผึ้งหนึ่งหยดเพียงเท่านั้น ที่นางพญายังคงดื้อรั้นที่จะตัดสินใจไปทั้งๆที่หารู้ไม่ว่าตัวเองมีความรู้ที่ถูกจำกัดเท่าหางอึ่ง


บทบาทในน้อยนิดของผมจำต้องอาศัยการหลีกเลี่ยงมากกว่าการหลีกนี ไม่ชนด้วยแรงปะทะก็ไม่ต้องเจ็บกันทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ไม่ยอมสู้แต่หากจะแลกกันจริงๆ ผลประโยชน์ที่ได้นั้นสุดท้ายก็ไม่ได้ตกไปถึงใคร เรายินยอมเป็นน้ำในแก้วที่ใสกว่า ค่อยๆกักเก็บประสบการณ์และพัฒนาตัวเองต่อไป จนกว่าจะก้าวพ้นความเปลี่ยนแปลงในวันข้างหน้าที่ส่งผลลัพธ์ที่สร้างสรรค์ให้แก่ตัวเราเอง


หากทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นและตั้งอยู่โดยแท้ตามธรรมชาติของมันอยู่แล้ว สภาวะที่ไม่เป็นปกตินั้น เกิดจากการเอามือของเราไปกระทบให้น้ำใสๆในใจเราขุ่นหมองด้วยตัวเอง เหตุปัจจัยคงมีเพียงแค่ต้องการที่จะเปลี่ยนน้ำในแก้วของคนอื่นให้ใสสะอาดขึ้นได้บ้าง ทว่ายิ่งทู่ซี้ดิ้นรนปัดป้องไปเท่าไร น้ำในแก้วของเราก็มีแต่จะพร่องไปเท่านั้น และความเครียดนั้นก็ไม่ได้ส่งผลให้กระบวนการทำงานของเราในวันนั้นดีขึ้นมาได้เลยแม้แต่น้อย


สุดท้ายแล้วความตื่นเต้นในการเดินทางครั้งใหม่ ก็ทำให้ผมหันกลับมาตั้งสติอยู่กับแผนการเดินทางในโทรศัพท์มือถือตอนนี้เสียมากกว่า หลังจากตัดสินใจสลัดความเครียดที่มีอยู่เต็มอกไปจนหมดแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องกลับมาปลุกตัวเองให้ลุกขึ้นไปอาบน้ำ แปรงฟัน เชคสัมภาระในกระเป๋าเดินทาง และความพร้อมของตัวเอง หมดเวลาที่จะต้องมาตรึงเครียดกับความคิดอันพัลวันที่มันได้ผ่านพ้นไปได้แล้วในวินาทีที่ผ่านมา


การเดินทางครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหนๆ ผมจำต้องออกไปเผชิญหน้ากับความโดดเดี่ยวแบบไม่ทันตั้งตัว แบกเป้ขึ้นหลังสะพายดุ่มๆไปคนเดียว น้ำลายอาจจะบูดได้เพราะคงไม่มีใครให้ปรึกษาแม้จะต้องหลงทาง แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปคนเดียว จะกินอะไรร้านไหน แวะสถานที่ไหนบ้างก็เหมือนจะยังไม่กังวลมากไปจนเสียสติ แค่ปล่อยให้หัวใจมันรู้สึกกระหายใคร่รู้อยู่เป็นพักๆ แล้วปล่อยให้สถานที่มันเรียกร้องอยากให้เราออกไปพบเองก็แล้วกัน


หากจะเริ่มนับก้าวไปให้ถึงร้อย เราต้องเริ่มด้วยการนับก้าวที่หนึ่งตรงนี้เสียก่อน แม้การออกจากบ้านไปต่างบ้านต่างเมืองคนเดียวในรอบนี้จะไม่ใช่ครั้งแรก แต่การไปใช้ชีวิตอยู่สถานในที่ไม่คุ้นเคยคนเดียวทั้งห้าวัน กลับทำให้ผมรู้สึกเหงาขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว


มนุษย์ขี้เหงาที่ต้องการเพื่อนร่วมทางอย่างผม จะมีภูมิคุ้มกันทนทานต่อสภาวะไร้แรงยึดเหนี่ยวจากมวลมนุษย์ที่สนิทสนมได้หรือไม่ แต่ถ้าถึงตอนนี้แล้วยังไม่กล้าที่จะนับก้าวที่หนึ่งออกไป ผมคงไม่มีวันจะได้พบกับคำตอบที่คั่งค้างอยู่ในหัวใจนี้ได้เลย





(2)

ฟ้ารุ่งสางกำลังส่งคำขออนุมัติสัญญาณ เหล่าบรรดานกเหล็กพร้อมพุ่งทะยานขึ้นสู่ขอบฟ้าพร้อมๆกับผู้โดยสารจำนวนหยิบมือ


เที่ยวบินนี้อาจจะเช้าเกินไปสำหรับนักเดินทางกลุ่มใหญ่ เหล่าอาสาพาไปเที่ยวคงไม่ค่อยอยากสมัครใจลุกขึ้นจากเตียงนอนในช่วงที่ไก่ยังไม่ส่งเสียงขัน เตียงนอนอันอ่อนนุ่มเป็นดั่งดินแดนสวรรค์ในยามที่เหนื่อยล้ามาหลายวัน ทว่าผมนั้นกลับเลือกที่จะเย้ยหยันร่างกายอันอ่อนล้าของตัวเอง


ท้องฟ้าในเช้าวันนี้ไม่หม่นหมองเหมือนเมื่อวาน ฝนฟ้าคะนองที่เพิ่งสาดซัดได้พ้นผ่านกรุงเทพมหานครไปเสียแล้ว เหลือแต่มวลหมู่เมฆก้อนน้อยใหญ่ที่กำลังตอบรับสัญญาณอรุณเบิกฟ้า ให้นกกาอย่างผมได้ออกโบยบินร่าเริงแจ่มใสไปในดินแดนของอิสรชน


อยากจะกางแขนโอบรับความรู้สึกดีๆในช่วงเวลานี้ให้ได้มากที่สุด แต่ก็รู้ว่าคงไม่มีอุปกรณ์ใดๆจะช่วยหยุดเวลาเอาไว้ที่ปลายฟ้า โอกาสเดียวที่มีตอนนี้คือการดื่มด่ำกับบรรยากาศตอนนี้ให้นานที่สุด หยุดอยู่กับกาลปัจจุบันแล้วปล่อยให้ตัวเองล่องลอยไปกลับนกเหล็กบนดินแดนสวรรค์ของนักเดินทาง


เสียงเพลงขับกล่อมเบาๆ ทำให้รู้สึกคุ้นเคยกับการนั่งสัปหงกบนรถประจำทางในทุกๆเช้า อาการง่วงที่เคยเกาะกินในระดับผืนดินค่อยๆเกาะกินหนังตาในระดับผืนฟ้าจนมิอาจจะฝืนลืมขึ้นมาได้ไหว ความอ่อนเพลียสะสมจากร่างกายอันสะบักสะบอม ทำให้มิอาจข่มตาตื่นฝืนจ้องมองท้องนภาในชั้นบรรยากาศได้อีก


คล้ายโมเลกุลออกซิเจนจะถูกลดบทบาทลง จนร่างกายต้องปรับตัวให้เองหลับใหลไปในอากาศในที่สุด

เสียงเพลงจากจอมอนิเตอร์ยังคงบรรเลงอยู่ในขณะที่ผมเริ่มไร้สติ ดนตรียังคงบรรเลงทะลุเข้าไปในโสตของผู้ที่หลับใหลอย่างไม่ยำเกรง เครื่องเล่นค่อยๆสุ่มเพลงไปเรื่อยๆจนสะดุ้งตื่นกับคำร้องที่ซ้ำไปซ้ำมาว่า “Why don't you stay?”


“ทำไมเธอไม่อยู่กับฉันต่อไปล่ะ” ประโยคที่ดังอยู่ในหัวซ้ำๆ ย้อนกลับมาเป็นคำถามว่าเหตุใดผู้คนจำเป็นต้องออกเดินทาง เป็นไปได้ไหมว่า โลกนี้คือดินแดนที่ไม่มีใครรู้จักมันได้จากการบอกเล่า จนกว่าวันหนึ่งเราจะได้ออกไปโลดแล่นบนเส้นทางที่ไม่เหมือนเก่า ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต มีแต่ปัจจุบันขณะที่เราต้องก้าวเดินไปตรงทางเบื้องหน้า ในดินแดนแห่งใหม่คือสถานที่ที่เราจะก้าวไปเผชิญกับสิ่งมหัศจรรย์ตรงหน้า และสิ่งนั้นคือคำตอบที่ฉันจำเป็นต้องทิ้งเธอไว้เพียงลำพัง


"ลองมองไปที่ดวงดาวสิ เรามีกันและกันอยู่แล้ว .....

ฉันกำลังยืนอยู่ตรงนี้กับเธอ และกำลังคิดถึงคนอื่น .....

แม้จะมีผ้าห่มคลุมอยู่ แต่ฉันก็ยังคงรู้สึกหนาว และยังคงหนาวยิ่งขึ้น .....

ฉันพยายามจะมองตาเธอ คนที่จะช่วยทำให้ฉันอบอุ่นอีกครั้งที .....

ฉันยิ้มท่ามกลางหิมะ และพยายามจะพูดอะไรสักอย่างออกไป ....."


เนื้อเพลงอีกท่อนหนึ่งของ Angus & Julia Stone ส่งเสียงเตือนให้ผมต้องปรับเอนเบาะที่นั่งให้ตั้งหลังตรงอีกครั้ง เปิดกระจกบานน้อยที่คอยปิดกั้นแสงแดดขึ้น พร้อมสอดสายตาไปยังภูเขาที่โผล่พ้นเหนือเมฆขึ้นมาทักทาย เสียงตามสายของกัปตันชวนให้ผู้โดยสารทุกคน กลับเข้าไปนั่งประจำการในพื้นที่อันปลอดภัยของตัวเอง


เป็นครั้งแรกที่เสียงเพลงยังคงบรรเลงต่อไปในห้วงเวลาอันแสนน่าตื่นเต้น เป็นครั้งแรกที่นกเหล็กกำลังจะลงจอดในสนามบินที่ผมไม่เคยคิดจะมาเยือนเลยสักครั้ง เป็นครั้งแรกที่ไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยวอย่างที่คิดแม้จะมาคนเดียว


ความเศร้าก่อนการจากลานั้นแค่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นแค่กิมมิคในช่วงต้น จบสิ้นแล้วความดราม่าแบบซ้ำๆซากๆ นับจากนี้จะไม่มีเรื่องงานอันวกวนให้ต้องกังวล ไม่มีอดีตอันขื่นขมให้ต้องหวนกลับไปนึกถึง ความเครียดถูกสลัดอากาศขโมยไปหมดสิ้นตั้งแต่บรรยากาศชั้นบน ถึงเวลาสร้างสรรค์การเดินทางให้ดีที่สุดตามแบบฉบับของผู้บุกเบิกชีวิตด้วยการเดินทาง


แม้เช้าวันนี้จะไม่มีหิมะกองพะเนินอยู่ตรงหน้า และอาจดูเหมือนเป็นความฝันที่เพิ่งจะพุ่งผ่านไปในชั้นบรรยากาศเสียเกินกว่า ผมได้แต่ยิ้มให้กับการผจญภัยในเกาะไม้หอมที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ไม่มีคำพูดที่จะเอ่ยออกมาแทนคำสนทนาใดๆ รัดเข็มขัดให้มั่นเรากำลังจะลงจอดที่ท่าเรือหอมในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้แล้ว




.

📍สามารถติดตาม " Theexplorer " ได้หลายช่องทางดังนี้

( ฝากกด Like & Share & See first กันด้วยน้า )

- IG : theexplorer.photographer

- FB Page : Theexplorer

https://www.facebook.com/Theexplorerphotographer

- Web blog : https://theexplorerthailand.wixsite.com/explorer/

------------

3 views0 comments
Post: Blog2_Post
bottom of page