top of page
Search
  • Writer's pictureTheexplorer

HONG KONG DAIRY: Immigration to the soon

ตอนที่ 2 : เคลื่อนย้ายมวลสารสู่ปัจจุบัน



ใช่ว่าการมีตั๋วเครื่องบินอยู่ในมือ มีเงินสำรองมาเต็มกระเป๋า บวกด้วยการจองโรงแรมมานานหลายสัปดาห์ จะการันตีได้ว่านักเดินทางคนหนึ่งจะไม่ถูกกักตัวที่ห้องเย็นภายในสนามบินแล้วส่งกลับบ้าน


จากเสียงเล่าลือผ่านกระทู้มากมายที่มาจากหลากหลายสำนัก ต่างส่งต่อข้อมูลที่ตรงกัน บ้างก็เล่าว่าเจ้าหน้าที่ใช้กระแสจิตเรียกเอาแบบสุ่มๆ บางกระทู้บอกว่าถูกอัญเชิญให้ออกจากแถวไปยังเคาน์เตอร์พิเศษ บ้างก็ถูกสัมภาษณ์เดี่ยวในห้องปิด


ยิ่งล่าสุดประสบการณ์ตรงจากเพื่อนสนิทที่เพิ่งจะไปมา ก็โดนเรียกเข้าห้องเย็นเหมือนกัน แต่ด้วยการเตรียมการที่ดี เขาปริ้นเอกสารการจองไฟลท์เที่ยวไป-กลับกับเอกสารการยืนยันการจองห้องพัก แถมไฮไลท์ชื่อตัวเองให้ชัดๆเพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้ไม่เสียเวลาค้นหา เรียกได้ว่าเตรียมทางหนีทีไล่มาอย่างดี แม้จะภาษาไม่ค่อยดีแต่มีหลักฐานชัดเจน ครั้นจะถูกซักถามเยอะ แต่ก็ตอบคำถามได้ตรงตามความต้องการจนเจ้าหน้าที่หมดคำถามที่ต้องสงสัย สุดท้ายก็ถูกปล่อยตัวออกจากห้องเย็นอย่างไม่มีติดค้างอะไร


ว่ากันว่าห้องกักกุมตัวในสนามบินฮ่องกงนั้นเย็นมากถึงมากที่สุด หากทำตัวให้ถูกสงสัยหรือมีพิรุธให้เจ้าหน้าที่เห็น ก็อาจถูกเรียกตัวเข้าไปสอบปากคำได้เสมอ ไม่เว้นแม้หน้าตาของเราจะค่อนไปทางอาตี๋หรืออาหมวย ที่เทียบเคียงได้เกือบเท่ากับใบหน้าของประชากรของเขามากน้อยเพียงใด


จุดตรวจคนเข้าเมืองในทุกประเทศ จำเป็นต้องรักษาไว้ซึ่งมาตรการรักษาความปลอดภัยอันสูงสุด หากมองว่าที่นี่เป็นบ้าน เราก็คงไม่อยากให้คนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าก้าวเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านอย่างน่าสงสัย แค่ตรวจสอบจากเอกสาร ลายนิ้วมือ ใบหน้า หรือการสะกดชื่อนามสกุล ก็อาจตรวจสอบได้แค่ผิวเผิน ซึ่งมิอาจล่วงรู้ไปจนถึงความคิดที่หยั่งรากลึกอยู่ข้างในจิตใจ ไม่น่าแปลกใจเลยหากเช้าวันนี้ผมจะกลายเป็นบุคคลที่น่าสงสัย ด้วยใบหน้าอันอ่อนเปลี้ยเพลียแรงจากการอดนอนมาหลายต่อหลายคืน ผนวกรวมกับหนวดเคราที่เฟิ้มพอที่จะเย้ยหยันเหล่าบรรดาตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่นี่เสียจริง


ทันทีที่ประตูนกเหล็กเปิดออก เพื่อนร่วมโดยสารชั้นหนึ่งต่างได้สิทธิย้ายมวลสารของตัวเองออกไปก่อนตามวาระ พวกเขารุดหน้าแถมทิ้งช่วงห่างจากผู้โดยสารชั้นธรรมดาอย่างผมไปไกลแล้ว ผมและเพื่อนร่วมชั้นประหยัดพยายามเร่งฝีเท้าเพื่อตามรอยเท้าของผู้นำข้างหน้าให้ทัน


ด้วยเหตุที่ลานจอดเครื่องบินนั้นอยู่ค่อนข้างไกลกับด่านตรวจคนเข้าเมือง มีทางแยกซ้ายก็เยอะทางแยกขวาก็แยะ ครั้นจะแวะห้องน้ำสักประเดี๋ยว ก็กลัวว่าจะพลัดหลงจากกลุ่มคนไทยที่ร่วมโดยสารมาด้วยกัน ผมจึงตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแบบขอผ่านด่านรวดเดียวให้จบไปก่อน ส่วนถ้าจะต้องติดด่านเจ้าหน้าที่ตรงหน้าอย่างน้อยก็อุ่นใจมีคนไทยร่วมเข้าห้องเย็นไปด้วยกัน


เดินต่อไปถึงจนสุดป้ายทางเดิน ป้ายไฟสีน้ำเงินเข้มก็ชี้ให้ลงบันไดเลื่อนต่อไปยังทางเดินรถไฟด้านล่าง พอเหลือบมองไปด้านล่างก็แปลกใจที่พบกลุ่มคนต่างเชื้อชาติยกขบวนมาเป็นโขยง ผมไม่แน่ใจว่าเหตุผลอันใดที่ทำให้พวกเขาจำต้องแคะขี้ตาโยกย้ายตัวเองออกจากถิ่นฐานเดิมในช่วงเช้าตรู่ของวันหยุดแบบนี้ แต่เท่าที่พอจะเดาได้ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ประเดี๋ยวเราทุกคนจะเคลื่อนย้ายมวลสารอันบอบบางนี้ ไปถูกเจี๋ยนบนเขียงของเจ้าหน้าที่คนเดียวกัน


พอหลุดออกมาจากฝูงชนกลุ่มใหญ่บนรถไฟได้ คราวนี้ก็ถึงทีที่จะต้องสำแดงข้อมูลเฉพาะตัวบุคคลผ่านด่านให้จนได้ เช้าวันนี้แถวตรวจคนเข้าเมืองดูยาวเหยียดเป็นงูกินหาง เท่าที่นับได้แถวก็พับไปพับมาเกือบเจ็ดทบ เดินไปเดินมาจนจะจำหน้าคร่าตากันได้เลยทีเดียว


เดินวนหลายทบจนเกือบจะเอ่ยปากทักกทายหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังเดินจูงลูกชายอย่างทะลักทุเล ส่วนฝ่ายชายนั้นก็แบกกระเป๋าขึ้นบ่าในขณะที่อีกมือจับกุมมือหญิงสาวเอาไว้อย่างแนบแน่น ในสายตาของนักเดินทางผู้โดดเดี่ยวนั้นช่างเงียบเหงาเกินกว่าจะเอ่ยคำบรรยายใดๆ สงบนิ่งให้แก่การตัดสินใจออกเดินทางมาคนเดียวในครั้งนี้ หวังว่าความเหงาตรงนี้จะไม่ทำร้ายกันอีกในสถานีอันเวิ้งว้างที่จะต้องเดินทางไปอีกห้าวัน


แม้แถวจะยาวเหยียดแต่ก็ไม่นานอย่างที่คิด ผ่านมาเกือบสิบห้านาทีสุดท้ายมาหยุดยืนจังก้าเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่หน้าตาขมึงทึง ไม่ยิ้มแย้ม ไม่แจกความสดใส มัวแต่พลิกซ้ายพลิกขวาหนังสือเดินทางไปมาอย่างน่าสงสัย สลับกับการหันขึ้นมามองหน้าช้าๆแล้วหลบสายตากลับไปอย่างรวดเร็ว


เหตุการณ์ตรงหน้าเริ่มทำให้หัวสมองเบลอๆเริ่มคิดไปต่างๆนานา เพราะหนังสือเดินทางเล่มนี้ก็เพิ่งจะไปทำมาใหม่ หลังจากเล่มเก่าหมดอายุไปเมื่อเดือนก่อน ภาพถูกเจ้าหน้าที่อัญเชิญไปนั่งห้องเย็นเพื่อปรับทัศนคติแบบในกระทู้ก็เริ่มลอยมา ก่อนจะเสียสติไปมากกว่านี้ ก็คิดว่าควรจะหยิบเอกสารการจองที่พักมาเตรียมเอาไว้เสียก่อนที่คำถามมากมายจะเกิดขึ้นตามมา


ผ่านไปไม่นานนักหนังสือเดินทางก็หลุดออกจากมือเจ้าหน้าที่ โบกไม้โบกมือให้ผ่านโดยไม่มีคำถามอะไรให้ต้องสงสัย หลุดออกมาจากด่านตรวจคนเข้าเมืองได้ง่ายดายกว่าที่คิด รวดเร็วเกินกว่ากระเป๋าเดินทางจะส่งตรงมาถึงยังสายพาน


ด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยอันสูงสุดของที่นี่ ผมอาจถูกสแกนม่านตาตี่ๆไปแล้ว จากตอนที่เจ้าหน้าที่เงยหน้าพร้อมกดปุ่มให้ผ่านประตูในขั้นตอนสุดท้าย ข้อมูลผู้อพยพเข้าเมือง ถูกจดบันทึกลงในระบบคอมพิวเตอร์ไปแล้วอย่างไม่รู้ตัว อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าหลังเชคอินที่โรงแรม ระบบคอมพิวเตอร์ของโรงแรมก็จะทำการส่งข้อมูลไปให้หน่วยงานของรัฐได้ตรวจสอบกัน


เคลื่อนย้ายวัตถุมีล้อผ่านประตูทางออกพร้อมสิ่งของที่ไม่ต้องสำแดง เจ้าหน้าที่บริเวณโถงทางออกชี้นิ้วบอกทางให้ผู้โดยสารเดินออกกันไปทางประตูข้างๆ ผมพยายามเหลียวหลัง เพื่อมองหาผู้โดยสารที่ขึ้นเรือบินลำเดียวกันมา ทว่ากลับไม่พบเห็นใบหน้าอันคุ้นเคยที่เดินตามกันมา ความอุ่นใจค่อยๆลดอุณหภูมิลงเป็นความหนาวเหน็บอีกครั้ง ถึงเวลาขุดเคล็บลับวิชาตัวเบามาช่วยคลำหาทางออกจากสนามบินตามที่เคยร่ำเรียนมา






ผมรีบรุดหน้าต่อไปยังรถไฟฟ้าสายด่วนแบบไม่ติดค้างหรือลังเลสงสัย โบกมืออำลาสนามบินนานาชาติแบบงงๆ พร้อมกับนั่งปล่อยตัวปล่อยใจพิงเบาะอย่างไม่วิตกกังวล รถไฟฟ้าสายด่วนค่อยๆเคลื่อนออกจากอุปโมงค์สู่วิวทิวทัศน์อันตระการตา


กลับมาตั้งสติอีกครั้งก็เหมือนว่าตัวเองจะลืมอะไรไปเสียอย่าง คลับคล้ายว่าผมจะไม่ได้สแกนบัตรรถไฟฟ้าก่อนจะที่ขึ้นมานั่งตรงนี้เสียอย่างนั้น ความวิตกกังวลทำให้ต้องหยิบเอกสารมาอ่านเงื่อนไขการใช้บัตรอย่างถี่ถ้วน ทว่าเงื่อนไขกลับไม่ได้บอกลึกถึงรายละเอียดถึงขนาดนั้น ผมจึงต้องขอยุติเหตุปัจจัยอันเป็นข้อสงสัยนี้ไว้ก่อน เอนหลังพักกายพักใจให้สบายที่สุด แล้วปล่อยให้อนาคตเดินทางมาถึงยังปัจจุบัน


.

📍สามารถติดตาม " Theexplorer " ได้หลายช่องทางดังนี้

( ฝากกด Like & Share & See first กันด้วยน้า )

- IG : theexplorer.photographer

- FB Page : Theexplorer

https://www.facebook.com/Theexplorerphotographer

- Web blog : https://theexplorerthailand.wixsite.com/explorer/


4 views0 comments
Post: Blog2_Post
bottom of page